3G คืออะไร ?
วันนี้(16 ตุลาคม 2555) เป็นวันที่ กสทช. ได้ทำการเปิด ประมูลใบอนุญาต 3G บนคลื่อนความถี่ 2.1 Hz … teen.mthai ก็เลยนำ เกร็ดความรู้ เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับเจ้า 3G นี้มาฝากเพื่อนๆกันคะ ว่าที่ทำไมต้อง 3G แล้วมันดีอย่างไร? ไปดูกันเลย ^^

3G คืออะไร?
3G มาจากคำว่า 3rd Generation คือ มาตรฐานโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคที่ 3 ซึ่งพัฒนาขึ้นมาเพื่อแทนทีระบบ 2G ที่ประเทศไทยใช้อยู่ในปัจจุบัน โดย กสทช. จะจัดให้มีการประมูลใบอนุญาต 3G บนคลื่อนความถี่ 2.1 Hz หรือ 2100MHz ในวันนี้ (16 ตุลาคม 2555) เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือในการรับ-ส่งข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น พร้อมทั้งสามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย และแข่งขันด้านโทรคมนาคมกับต่างประเทศได้
ทำไมต้องเป็น 3G บนคลื่นความถี่ 2100MHz?
เพื่อนๆสงสัยไหม ว่าในเมื่อแต่ละค่ายสามารถนำคลื่นความถี่เดิมมาใช้ได้ แล้วทำไมต้องเป็น 2100MHz ล่ะ? หากสังเกตจะพบว่า ตอนนี้มีผู้ใช้บริการที่ร้องเรียนปัญหาในการใช้งานโทรศัพท์มือถือ(เยอะมาก!!) ซึ่งเป็นการนำคลื่นความถี่เดิมที่ใช้เดิมบน 2G มาแบ่งใช้สำหรับบริการ 3G ด้วย ส่งผลให้บริการโทรศัพท์ระบบ 2G เริ่มมีปัญหา (อ่าน สัมภาษณ์ รองประธานกสทช)ดังนั้นการประมูลคลื่น 2.1 GHz (2100MHz) ก็ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นการแก้ปัญหาเดิมที่เกิดจากการนำความถี่ 2G มาทำ 3G แล้วเกิดปัญหาในการโทร และอีกเหตุผลก็คืออุปกรณ์ที่รองรับ 3G แบบ 2.1 GHz (2100MHz) ในท้องตลาดนั้นมีมากกว่า และเป็นคลื่นที่ทั่วโลกส่วนใหญ่จะใช้สำหรับ 3G
เกร็ดความรู้ : คำจำกัดความของ 3G
สำหรับคำจำกัดความของ 3G ก็คือระบบโทรศัพท์เคลื่นที่ในยุคที่ 3 ซึ่งสามารถรับส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงในระดับ 2Mbps แต่ปกติจะอยู่ที่ 384Kbps ตรงนี้เป็นคำตอบว่า การกำหนดเพดานการใช้งานการเชื่อมต่อดาต้าหากใช้งานจนครบระยะเวลาที่กำหนดที่ความเร็ว 384Kbps นั้นยังถือว่าเป็น 3G อยู่เมื่อได้ทราบข้อมูลแล้วว่าทำไมถึงเป็น 3G 2100MHz ต่อไป เพื่อนๆจะต้องพิจารณาตัวเครื่อง สมาร์ทโฟน แอร์การ์ด หรือ Mi-Fi ส่วนผู้ให้บริการ ก็คงจะนำเครื่องมาให้บริการจำหน่ายพร้อมซิมและโปรโมชั่น เมื่อเวลานั้นมาถึง (ราคาจะสูงแค่ไหน ต้องรอติดตามชม! >,<)
3G ในประเทศไทย
ย้อนกลับไปที่การสัมปทานคลื่นความถี่ในการให้บริการโทรศัพท์มือถือ เริ่มจากระบบ GSM ในยุคก่อน (โทรออก-รับสาย รับส่ง SMS) ก็จะมี AIS, DTAC, TAO (TA Orange ในสมัยนั้น) ต่อมาเป็นยุคของ GPRS จากนั้นต่อกันที่ยุคของ EDGE หรือเรียกเล่นๆว่า 2.5G และมีระบบ W-CDMA ถ้าใครยังจำกันได้ สมัยนั้นมีค่ายมือถือ Thai Mobile ด้วย และหากย้อนความกลับไปก่อนที่ TruemoveH จะเกิด ก็มี Hutch-CAT ให้บริการเครือข่าย CDMA บนความถี่แบบ 1x EV-DO
ในยุค 2G (โทรสนทนาปกติ, รับส่งข้อความ SMS)
- คลื่นความถี่ 900MHz คือ AIS (หลังจากนั้น AIS ก็นำคลื่นความถี่เดียวกันนี้ มาทำ 3G)- คลื่นความถี่ 850MHz คือ DTAC/Truemove/DPC อย่าจำสับสนกับระบบโทรศัพท์ 1800MHz (ภายหลัง dtac, Truemove ก็ทดลองใช้ 3G บนคลื่นความถี่ 850MHz เหมือนกัน)
- คลื่นความถี่ 1900MHz ได้แก่ Thai Mobile (คือ TOT + CAT นั่นเอง)
- ในขณะที่ Hutch+CAT ให้บริการ CDMA 2000
- และล่าสุด ปีที่แล้ว Truemove + CAT ให้บริการ TruemoveH โดยใช้คลื่นความถี่ 3G เดิมคือ 850MHz
- TOT ให้บริการบนคลื่นความถี่ 2100MHz แล้วให้ผู้ให้บริการรายต่างๆ อย่าง i-mobile, i-kool เป็นคนทำตลาดให้ แล้วเช่าเสาทำ MNVO ยุคถัดไปมีคลื่นใหม่คือ 2.3GHz (TOT) และ 2.6GHz ยังไม่มีรายใดเป็นเจ้าของคลื่น ซึ่งตรงนี้คือยุคของ LTE ซึ่งจะก้าวเข้าสู่ยุค 4G Candidate ในที่สุด

3G หล่ออ่ะ!!
ที่นี้ทำไม 3G ต้องแบ่งเป็นหลายคลื่นความถี่ล่ะ?แล้วทำไมต้องขายเครื่องแยกด้วยล่ะ ในสมัยที่เราโทรออก – รับสายนั้น เรามักจะเลือกซื้อเครื่องพร้อมเบอร์ เพราะ AIS เป็นคลื่น 900MHz, Dtac, Truemove เป็นคลื่น 1800MHz และตอนนั้นมี DPC หรือ GSM 1800 เป็นคลื่น 1800MHz สมชื่อ แต่พอเป็นยุค 3G แล้วก็ต้องเลือกอุปกรณ์ให้ตรงกับคลื่นความถี่
จากสาเหตุที่เครือข่ายให้บริการ 2G และ 3G คนละความถี่ ทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือ จำเป็นจะต้องนำตัวเครื่องอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือมาจำหน่ายเอง เพื่อให้สามารถใช้งานได้บนเครือข่ายของตน และบางรุ่นหากผู้ให้บริการไม่ได้นำเข้ามาขายอย่างเป็นทางการ ผู้ใช้ก็จะไปหาเครื่องนอกที่รองรับเครือข่ายของตนมาใช้งานแทน ดังนั้นจะเห็นว่า การประมูลคลื่นความถี่ 3G นั้นจะเป็นตัวกำหนดอุปกรณ์การใช้งานของเรา หากใครยังจำได้ iPhone 3GS ไม่สนับสนุน 3G 900MHz ของ AIS ดังนั้นผู้ใช้ iPhone 3GS จะใช้งาน 3G ได้เต็มประสิทธิภาพเฉพาะบน 3G dtac และ truemove เท่านั้น เช่นเดียวกับที่หลายๆคนเคยสงสัยว่า ทำไมสมาร์ทโฟนจึงมีการแยกขายเครื่องแต่ละผู้ให้บริการ เนื่องจากมีการปรับแต่งให้เหมาะสมกับความถี่ 3G ของแต่ละค่ายนั่นเอง
และจุดนี้เองก็เป็นสาเหตุที่ทำให้มีการประมูล 3G บนคลื่นความถี่ 2100MHz เพราะในตอนนี้ ต่างคนต่างนำคลื่นความถี่เดิม มาให้บริการ 3G ก่อน เนื่องจากใกล้หมดระยะเวลาสัมปทานคลื่นแล้ว หากมีการประมูลคลื่นความถี่ใหม่ ก็จะมีตัวเครื่องและอุปกรณ์ที่รองรับ 3G ก็จะมากขึ้น
เมื่อเข้าใจพื้นฐานแล้ว ว่าแต่ละค่ายตอนนี้ใช้คลื่นความถี่ใดอยู่ ก็ลองมาดูว่า คลื่น 2100MHz นั้นดีอย่างไร อย่างแรกคือเป็นความถี่สากลที่โอเปอเรเตอร์มือถือทั่วโลกให้บริการ 3G เพราะปกติแล้ว มือถือ แอร์การ์ด มักจะรองรับ 900/2100MHz, 850/2100MHz คือไม่ว่ารุ่นใด ก็รองรับ 3G 2100MHz นั่นหมายถึงว่า เสรีในการนำเครื่องรุ่นใดมาใช้ก็ได้หากรองรับและไม่ติดล็อก
การประมูล 3G บนคลื่นความถี่ 2100MHz

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น